วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

                                                                                    งูสามเหลี่ยม




 ลักษณะทั่วไป
     งูสามเหลี่ยมมีหัวกลม ลำตัวเรียวยาว ปลายหางมักทู่ บางตัวหัวแบนเล็กน้อย ลำตัวเป็นสันสามเหลี่ยมชัดเจน โดยมีด้าน ท้องเป็นฐาน ตัวยาวประมาณ 2 เมตร  ตัวมีสีเหลืองเป็นปล้องๆ สลับกับดำ บางชนิดหัวแดง หางแดง ตัวสีดำ เป็นงูบกที่ชอบออกหากินตามริมน้ำ  เลื้อยช้าแต่ว่ายน้ำได้เร็ว เป็นงูที่มีความว่องไวปราดเปรียวในน้ำ 
ถิ่นอาศัย, อาหาร
     พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบในอินเดีย พม่า อินโดจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย 
งูสามเหลี่ยมชอบกินงูขนาดเล็ก รวมทั้งกิน หนู กบ เขียด ปลา
พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
     ชอบขดนอนตามโคนกอไผ่ ละเมาะไม้ พงหญ้าริมน้ำ ออกหากินในเวลาพลบค่ำจนถึงกลางคืนตามลำน้ำ เป็นงูที่ไม่ดุ ไม่ฉกกัด นอกจากคนเดินไปเหยียบหรือเดินผ่านขณะที่งูสามเหลี่ยมกำลังไล่กัดงูซึ่งเป็นอาหารของมัน ปกติกลางวันซึมเซา กลางคืนว่องไว เป็นงูพิษ มีพิษทำลายระบบประสาทและโลหิตรวมกัน เมื่อถูกกัดจะมีอาการชักกระตุก ปวดช่องท้อง มีเลือดออกเป็นจุด ๆใต้ผิวหนัง มีเลือดออกตามไรฟันและไอเป็นเลือด
     งูสามเหลี่ยมวางไข่ครั้งละ 8-12 ฟอง


งูเขียวพระอินทร์
       







เป็นงู ลักษณะลำตัวเรียวยาว ปราดเปรียว เกล็ดสีเขียวแกมเหลืองลายดำ สามารถเลื้อยไต่ไปบนกิ่งไม้ได้อย่างคล่องแคล่ว
 มีพิษ อ่อนแต่ไม่ร้ายแรงมาก ผู้ถูกกัดจะมีอาการอักเสบ และบวมที่บริเวณบาดแผล
ลักษณะทั่วไป
        เขียวพระอินทร์เป็นงูบก หัวกลม ว่องไวปราดเปรียว เลื้อยเร็ว ลำตัวสีเขียวอ่อน มีลายดำตลอดตัว หัวมีลายมากจนดูคล้ายกับมีหัวสีดำ ใต้คางสีขาว ใต้ท้องสีเขียวอ่อนหรือเหลืองอ่อน ๆ ใต้หางมีลายดำเป็นจุด ๆ
พฤติกรรม
        งูเขียวดอกหมากชอบอาศัยอยู่ตามซอกมุมบ้าน ซุ้มไม้ โพรงไม้ ออกหากินในเวลากลางวัน งูเขียวดอกหมากกิน กิ้งก่า จิ้งจก ลูกนก หนู งูที่เล็กกว่าบางชนิด และแมลงต่าง ๆ บางครั้งหาอาหารกินไม่ได้ก็ใช้วิธีบังคับแย่งอาหารกินจากตุ๊กแก จนเข้าใจกันผิด ๆ ว่างูเขียวกินตับตุ๊กแก แต่ที่จริงแล้วงูเขียวใช้วิธีรัดตัวตุ๊กแกบังคับให้อ้าปาก แล้วแย่งกินเศษเนื้อเศษแมลงที่ติดอยู่ตามซอกในปากและฟัน ไม่ใช่ล้วงเข้าไปกินตับตุ๊กแก ถ้าตุ๊กแกตัวไม่โตนักก็จะกลืนกินตุ๊กแกทั้งตัวเลย ออกลูกเป็นไข่ ครั้งละ 6-12 ฟอง



 งูทับสมิงคลา









 ลักษณะ  งูขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ หัวยาวและแบน ส่วนของหัวกว้างใกล้เคียงกับลำคอ ตาค่อนข้างเล็ก ลำตัวยาวและตรงกลางของหลังเป็นสันไม่สูงมากและลำตัวไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมชัดเจน แต่ค่อนข้างกลม หางสั้นและส่วนปลายของหางเรียว ผิวหนังลำตัวมีเกล็ดปก
คลุม เกล็ดบนหัวเป็นแผ่นกว้าง เกล็ดบนหลังและทางด้านบนของหางมีพื้นผิวเรียบ เกล็ดท้องขยายกว้าง เกล็ดใต้หางเป็นแถวเดี่ยว ลำตัวมีด้านบนของหัวสีดำหรือสีเทาเข้ม ขอบปากบนสีขาวแต่แผ่นเกล็ดมีขอบสีดำบนหลังและด้านบนของหางมีปื้นใหญ่สีดำรูปอานม้าที่มีส่วน
กว้างที่สุดอยู่บนหลังและเรียวแคบลงไปทางส่วนล่างของลำตัว (หรือที่ขอบเกล็ดท้องปื้นสีดำดังกล่าวนี้ที่ส่วนต้นของลำตัวยาวกว่าที่อยู่ทางด้านท้ายของลำตัว (แต่ถ้ามองจากทางด้านบนของลำตัวลงไปหรือมองจากด้านขางของลำตัวจะเป็นปล้องสีดำสลับกับปล้องสีขาวเกล็ดที่อยู่ในปล้องสีขาวมีพื้นที่ตรงกลางของแผ่นเกล็ดสีดำ ด้านท้องและใต้หางสีขาว ชาวบ้านหลายพื้นที่มีความเชื่อว่า งูสามเหลี่ยมที่มีลำตัวเป็นปล้องสีเหลืองกับสีดำเป็นงูเพศผู้ และงูทับสมิงคลาที่มีลำตัวเป็นปล้องสีขาวกับสีดำเป็นงูเพศเมีย
        การแพร่กระจาย  เวียตนาม กัมพูชา มาเลย์เซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบทุกภาคของประเทศ ในพื้นที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชพบในป่าดิบแล้ง
     พื้นที่อาศัย  ตามพื้นล่างของป่าที่ใกล้ลำห้วยหรือแหล่งน้ำ
         นิสัย  ออกหากินเวลากลางคืนตามพื้นล่างของป่าที่ใกล้ลำห้วยหรือในพื้นที่ห่างไกลจากลำห้วยแต่มีความชุ่มชื้น เวลากลางวันหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ขอนไม้หรือในโพรง นิสัยประการอื่นเหมือนกับงูสามเหลี่ยม

งูแสงอาทิตย์









งูแสงอาทิตย์ สามารถพบได้ทั่วไปตามพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น มักอาศัยอยู่ใต้ขอนไม้ หรือใต้โขดหินที่มีดินเป็นดินร่วน และมีความชื้นเล็กน้อย มันเป็นงูที่อาศัยบนพื้นดิน และไม่ปีนต้นไม้ แต่อย่างใด  งูแสงอาทิตย์เป็นงูไม่มีพิษ  มีลักษณะลำตัวเป็นรูปทรง

กระบอกยาว แต่หัวของมันค่อนข้างแบนเรียว ตาเล็ก เกล็ดที่ปกคลกุมลำตัวเมื่อสะท้อนแสงแดดจะเงาแวววาวตลอดตัว จึงได้ชื่อว่างูแสงอาทิตย์ มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นงูมีพิษบางคนก็ว่าถ้าถูกกัดแล้วจะตายถ้าพระอาทิตย์ขึ้น จริง ๆ แล้วงูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ค่อนข้างเชื่องและไม่เป็นอันตราย มีการดำรงชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน อาหารของมันได้แก่ หนู กบ เขียด กิ้งก่า งูเล็ก ๆ และนก ที่มีลักษณะพิเศษคือ มีเกล็ดที่เป็นเงามันเลื่อมปกคลุมทั่วตัว   เมื่อเวลาโดนแสงแดด เกล็ดดังกล่าวจะสะท้อนแสงเห็นเป็นสีรุ้งสวยงาม  ช่่วยรักษาระบบนิเวศน์ งูแสงอาทิตย์ล่าสัตว์ขนาดเล็กแทบทุกชนิดเป็นอาหาร                 


   
งูก้นขบ
    









เป็นงูไร้พิษ ลำตัวทรงกระบอกยาวประมาณ ๓๕ เซนติเมตร หางป้อมและสั้นมาก หัวด้านหน้าแบน ปลายปากมน ตาเล็กม่านตากลม รอบตัวมีเกล็ด ๑๙ ถึง ๒๑ แถว ตัวผู้มีเดือยหนึ่งคู่โผล่ออกมาพ้นเกล็ดทวาร ลำตัวด้านบนมีสีม่วงเข้มถึงดำ ท้องสีดำมีแถบสีขาวหรือสีครีมพาดจากเกล็ดท้องขึ้นมาถึงเกล็ดสีข้าง เกล็ดลำตัวเรียบ
ออกเหลือบใต้หางมีสีแดงสด บางตัวอาจมีแถบสีแดงพาดขวางที่คอ อยู่ในน้ำหรือใต้เศษใบไม้แห้งตามพื้นป่า เวลาถูกรบกวนจะทำตัวแบนชูปลายหางขึ้นมาคล้ายหัวอีกข้างหนึ่ง ชาวบ้านจึงเรียกว่า งูสองหัว หรือ งูก้นขบ เป็นงูที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ อาหารของพวกมันได้แก่ หนอน งู
ตัวเล็ก ๆ ตัวอ่อนของแมลง เป็นต้น


ที่มา : http://www.school.net.th   นำมาใช้ในการศึกษา เพื่อนำไปประกอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่








วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คุณธรรมและจริยธรรม ในการใช้อินเตอร์เน็ต
ได้กล่าวถึงบัญญัติสิบประการของการใช้คอมพิวเตอร์ไว้ดังนี้
1. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่น
2. ไม่รบกวนจนงานคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
3. ไม่แอบดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อลักขโมย
5. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นพยานเท็จ
6. ไม่ใช้หรือทำสำเนาซอฟต์แวร์ที่ตนไม่ได้ซื้อสิทธิ์
7. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจหน้าที่
8. ไม่ฉวยเอาทรัพย์ทางปัญญาของผู้อื่นมาเป็นของตน
9. คิดถึงผลต่อเนื่องทางสังคมของโปรแกรมที่เขียน
10. ใช้คอมพิวเตอร์ในทางที่แสดงถึงความใคร่ครวญและเคารพ
การ ทำงานอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ จะทำให้สังคมอินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์จะทำให้สังคมอิน เทอร์เน็ต น่าใช้และเป็นประโยชน์ กิจกรรมบางอย่างที่ไม่ควรปฏิบัติจะต้องหลีกเลี่ยง ในการส่งกระจายข่าวลือไปเป็นจำนวนมาบนเครือข่าย การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบลูกโซ่ เป็นต้น ดังนั้นนักเรียนควรปฏิบัติตามกฎ กติกา มารยาท หรือ จรรยาบรรณของการรวบรวมเว็บไซด์ต่าง ๆ เอาไว้ เราเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการแล้วเข้าใช้อินเทอร์เน็ตในด้านต่อไปนี้คือ
· การใช้บริการพูดคุยกันแบบออนไลน์ (Chat)
· การใช้กระดานข่าวหรือเว็บบอร์ด
· การใช้บริการพูดคุยกันแบบออนไลน์ (Chat)
บน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีบริการโต้ตอบแบบออนไลน์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Chat ดังนั้นในการสนทนาจะต้องมีมารยาท อีกอย่างหนึ่งว่า Chat ดังนั้นในการสนทนาจะต้องมีมารยาทสำคัญดังนี้
· ควรเรียกสนทนาจากผู้ที่เรารู้จักและต้องการสนทนาด้วย หรือมีเรื่องสำคัญที่จะติดต่อด้วย
· ควรใช้วาจาสุภาพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
· ก่อนเรียกสนทนา ควรตรวจสอบสถานะการใช้งานของคู่สนทนาที่ต้องการเรียก เพราะการเรียกแต่ละครั้งจะมีข้อความไปปรากฎบนจอภาพ ของฝ่ายที่ถูกเรียกซึ่งจะทำให้สร้างปัญหาในการทำงานได้
·การใช้บริการกระดานข่าวหรือเว็บบอร์ด
บน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีบริการกระดานข่าวหรือเว็บบอร์ดให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยน ความคิดเห็น หรือข้อมูลข่าวสารถึงกัน ดังนั้นในการใช้ บริการควรเคารพกฎ กติกา มารยาทดังนี้
· ในการเขียนพาดพิงถึงผู้อื่น ให้ระมัดระวังการระเมิดหรือสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น
· ไม่ควรนำข้อความที่ผู้อื่นเขียน ไปกระจายต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเข้าของเรื่อง
· ไม่ควรใช้ข้อความขบขัน คำเฉพาะ คำกำกวม และคำหยาบคายในการเขียนข่าว
· ในการเขียนคำถามลงในกลุ่มข่าวจะต้องเขียนให้ตรงกับกลุ่มและเมื่อจะตอบต้องตอบให้ตรงประเด็น
จริยธรรมในการใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
1. ไม่โฆษณาหรือเสนอขายสินค้า
2. รู้ตัวว่ากำลังกล่าวอะไร
3. ถ้าไม่เห็นด้วยกับหลักพื้นฐานของรายชื่อกลุ่มที่ตนเป็นสมาชิก ก็ควรออกจากกลุ่มไม่ควรโต้แย้ง
4. คิดก่อนเขียน
5. อย่าใช้อารมณ์
6. พยายามอ่านคำถามที่ถามบรอย (FAQ) ก่อนเสมอ
7. ไม่ส่งข่าวสารที่กล่าวร้าย หลอกลวง หยาบคาย ข่มขู่
8. ไม่ส่งต่อจดหมายลูกโซ่ หรือเมล์ขยะ
9. ถ้าสงสัยไม่ทำดีกว่า
10. รู้ไว้ด้วยว่าสำหรับผู้เขียน คือ บันทึกฉันท์เพื่อน แต่สำหรับผู้รับ คือ ข้อความที่จารึกไว้บนศิลาจารึก
11. ให้ความระมัดระวังกับคำเสียดสี และอารมณ์ขัน
12. อ่านข้อความในอีเมล์ ให้ละเอียดก่อนส่ง ความประณีตและตัวสะกด การันต์ เป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง
13. ดูรายชื่อผู้รับให้ดีว่า เขาคือคนที่เราตั้งใจจะส่งไปถึง







                                                                                            ประวัติส่วนตัว





ชื่อ นาย ฉกาจ  ตันยา  ชื่อเล่น เก่งกาจ อายุ 18
ที่อยู่ 567/2 ถนน มหาดไทยบำรุง ตำบล ระแหง อำเภอ เมือง จังหวัด ตาก
รหัสไปรษณีย์ 63000
บิดา นาย วีระศักดิ์  ตันยา อาชีพ ราชการ
มารดา นาง อรัญญา ตันยา อาชีพ รับจ้าง
สิ่งทีชอบ เกมส์  ผู้หญิง
สิ่งที่ไม่ชอบ ผักทุกชนิด
วิชาที่ชอบ  พละ คอมพิวเตอร์
วิชาที่ไม่ชอบ อังกฤษ

ศึกษาอยู่ โรงเรียน ตากพิทยาคม

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

องค์ประกอบของการใช้อินเทอร์เน็ตรายบุคคล

องค์ประกอบของการใช้อินเทอร์เน็ตรายบุคคล
 1. โทรศัพท์
 2. เครื่องคอมพิวเตอร์
 3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะให้เบอร์โทรศัพท์ รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน
 4. โมเด็ม (Modem)
โมเด็ม คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณ เนื่องจากสัญญาณในคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณดิจิทัล (Digital) แต่สัญญาณเสียงในระบบโทรศัพท์เป็นสัญญาณอนาล็อก (Analog) ดังนั้นเมื่อต้องการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตจึงต้องใช้โมเด็มเพื่อเป็นอุปกรณ์ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อกตามสายโทรศัพท์ และแปลงกลับจากสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิทัล เมื่อถึงปลายทาง
ความเร็วของโมเด็มมีหน่วยเป็น บิตต่อวินาที (bit per second : bps) หมายความว่า ในหนึ่งวินาที จะมีข้อมูลถูกส่งออกไป หรือรับเข้ามากี่บิต เช่น โมเด็มที่มีความเร็ว 56 Kpbs จะสามารถ รับ-ส่งข้อมูลได้ 56 กิโลบิตในหนึ่งวินาที
โมเด็มสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
 1. โมเด็มแบบติดตั้งภายนอก (External modem)
เป็นโมเด็มที่ติดตั้งกับคอมพิวเตอร์ภายนอก สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก เพราะในปัจจุบันการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จะผ่าน USB พอร์ต (Universal Serial Bus) ซึ่งเป็นพอร์ตที่นิยมใช้กันมาก ราคาของโมเด็มภายนอกไม่สูงมากนัก แต่จะยังมีราคาสูงกว่าโมเด็มแบบติดตั้งภายใน รูปที่ 6.3 แสดงโมเด็มภายนอก
 2. โมเด็มแบบติดตั้งภายใน (Internal modem)
เป็นโมเด็มที่เป็นการ์ดคอมพิวเตอร์ที่ต้องติดตั้งเข้าไปกับแผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด (main board) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โมเด็มประเภทนี้จะมีราคาถูกว่าโมเด็มแบบติดตั้งภายนอก เวลาติดตั้งต้องอาศัยความชำนาญในการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และติดตั้งไปกับแผงวงจรหลัก
 3. โมเด็มสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note Book Computer) อาจเรียกสั้นๆว่า PCMCIA modem

 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection)
                การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ (Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็ม ชนิด PCMCIA ของ PCT ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้ได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลได้

2. การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet)

1. WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต ใช้ภาษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน หลายๆยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่องอินเทอร์เน็ตนั้น จะมีการคิดอัตราค่าบริการเป็นนาทีซึ่งยังมีราคาแพง
2. GPRS (General Packet Radio Service) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง และสามารถส่งข้อมูลได้ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพกราฟิก เสียง และวีดิโอ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วยโทรศัพท์ที่สนับสนุน GPRS อยู่ที่ 40 kbps ซึ่งใกล้เคียงกับโมเด็มมาตรฐานซึ่งมีความเร็ว 56 kbps อัตราค่าใช้บริการคิดตามปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่ง ตามจริง ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดกว่าการใช้ WAP และยังสื่อสารได้รวดเร็วขึ้นด้วย
 3. โทรศัพท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) ระบบ CDMA นั้น สามารถรองรับการสื่อสารไร้สายความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 153 Kbps ซึ่งมากกว่าโมเด็มที่ใช้กับโทรศัพท์ตามบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เพียง 56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งข้อมูลระบบมัลติมีเดียได้ด้วย
4. เทคโนโลยี บลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทูธ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้หลักการการส่งคลื่นวิทยุ ที่อยู่ในย่านความถี่ระหว่าง 2.4 - 2.4 GHz ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เทคโนโลยีไร้สายบลูธูทเพื่อใช้ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์พ็อคเก็ตพีซี
5. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ก(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm) ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS
โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น


เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) คือ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน ในระบบสารสนเทศนั้นประกอบด้วย 5 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บุคลากร ขั้นตอนการทำงาน ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และข้อมูล ปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของประชาชน ทั้งด้านการติดต่อสื่อสาร การเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ การดำเนินธุรกิจ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) มาจากคำว่า เทคโนโลยีรวมกับคำว่า สารสนเทศ” “เทคโนโลยีหมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เข่น อุปกรณ์   เครื่องมือ เครื่องจักรวัสดุ หรือ แม้กระทั่งสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ระบบหรือกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้การดำรงชีวิตของมนุษย์ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น  สารสนเทศหมายถึง ข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสาร ความรู้ ที่ได้มีการบันทึก ประมวลหรือดำเนินการด้วยวิธีใดๆไว้ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ทั้งส่วนบุคคลและสังคม  ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมีประโยชน์ และใช้งานได้กว้างขวางมากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่จะรวบรวม จัดเก็บ ใช้งาน ส่งต่อ หรือสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการจัดการ สารสนเทศ ซึ่งได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์รอบข้าง ขั้นตอน วิธีการดำเนินการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ เกี่ยวข้องกับตัวข้อมูล เกี่ยวข้องกับบุคลากร เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึง โทรทัศน์ วิทยุ โทรศัพท์ โทรสาร หนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ฯลฯ
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
ในระบบสารสนเทศนั้นประกอบด้วย 5 ส่วนหลักๆ ได้แก่ บุคลากร ขั้นตอนการทำงาน ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และข้อมูล
1) บุคลากร เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เพราะบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และเข้าใจวิธีการในการดำเนินการ และจัดการเกี่ยวกับสารสนเทศทั้งหมด บุคลากรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
2) ขั้นตอนการปฏิบัติ หมายถึง ระเบียบวิธีการปฏิบัติงานในการจัดเก็บรักษาข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำให้เป็นสารสนเทศได้ เช่น การกำหนดให้มีการป้อนข้อมูลทุกวัน การปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องอยู่เสมอ
3) เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์ที่ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งประกอบด้วยคีย์บอร์ด เมาส์ จอภาพ หน่วยระบบ และอุปกรณ์อื่นๆ เครื่องคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์
                                จะถูกควบคุมโดยซอฟต์แวร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการสารสนเทศ
 
4) ซอฟต์แวร์ หรือโปรแกรมในระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) และซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่น (Application Software) เป็นชุดคำสั่งที่เรียงเป็นลำดับขั้นตอน 
                                มีหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามวัตถุประสงค์ และประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ
5) ข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบุคคล วัตถุหรือสถานที่ ข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะใช้เป็นเครื่องช่วยในการวางแผนงานการบริหารจัดการ ดังนั้นข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มีความเที่ยงตรง สามารถเชื่อถือได้ มีความเป็นปัจจุบัน สามารถตรวจสอบได้ และมีความสมบูรณ์ชัดเจน 


บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว และยังสื่อสารแบบสองทิศทาง ด้วยเหตุนี้ผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมจึงแตกต่างจากในอดีตมาก ดังจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ผลของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน อาทิเช่น


- การเปลี่ยนเป็นสังคมสารสนเทศ  ปัจจุบันสังคมโลกกำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมสารสนเทศ โดยคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารมีบทบาทในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การซื้อสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ต การทำงานผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมถึงก่อให้เกิดสังคมออนไลน์ทั้งเว็บบล็อก (Web Blog) เว็บไซต์วีดิโอออนไลน์ เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นต้น
- การทำงานที่ไร้เงื่อนไขของเวลาและสถานที่  เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา โดยการโต้ตอบผ่านระบบเครือข่าย ทำให้ขยายขอบเขตการทำงานไปทุกหนทุกแห่งและดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ระบบเศรษฐกิจเชื่อมโยงทั่วโลก  เทคโนโลยีสารสนเทศส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจซึ่งเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีสารสนเทศมีส่วนเอื้ออำนวยให้การดำเนินการมีขอบเขตกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ระบบเศรษฐกิจของโลกจึงผูกพันกับทุกประเทศและเชื่อมโยงกันแนบแน่นขึ้น
           -   เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานใหม่ๆ เช่น ระบบระบุพิกัดบนพื้นโลก (Global Positioning System, GPS) ซึ่งสามารถกำหนดพิกัดของสถานที่ต่าง ๆ การสำรวจ การเดินทาง และใช้เป็นระบบติดตามรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้กับการสืบค้นข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมทางอินเทอร์เน็ต เช่น โปรแกรม Google Ear


วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

ถ้านักเรียนจะให้ของขวัญเพื่อน นักเรียนจะใช้โปรแกรมใดทำของขวัญชิ้นนั้น เหตุผลสาเหตุ
              ใช้โปรแกรม  Microsoft Word
สาเหตุ
          ง่ายต่อการใช้งานมีลูกเล่นหลายแบบ รวดเร็วสะดวกมีโปรแกรมช่วยเหลือครบถ้วนและมีโปรแกรมที่ตกแต่งที่สวยและง่ายต่อการใช้งานมาก เช่น การสร้างลายน้ำ การสร้างตัวหนังสือที่แปลกๆ
เหตุผล
    ทำเพื่อตอบแทนเพื่อน ที่เป็นเพื่อนเราตลอดไป





ศาลเจ้าพระวอ
ศาลเจ้าพ่อพระวอ              


ข้อมูลทั่วไป
ก่อนที่จะถึงอำเภอแม่สอด  จังหวัดตาก  ประมาณ  17 กิโลเมตรก็จะเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของชาวอำเภอแม่สอด คือ ศาลเจ้าพ่อพะวอ มงคลสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
กว่าสองร้อยปีมาแล้วที่ ศาลเจ้าพ่อพะวอ  ตั้งตระหง่านอยู่บนขุนเขาผาวอ  เทือกเขาถนนธงชัยเป็นที่เคารพสักการะของชนทั่วไป  ผู้ที่ผ่านสัญจรไปมาต้องแวะกราบไหว้เสมอ  ศาลเจ้าพ่อพะวอ  อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้น ด้วยความเคารพศรัทธาปสาทะอย่างแรงกล้า ต่อวีรบุรุษชาตินักรบชาวกะเหรี่ยงปกากะญอ  สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอันเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด   ของชาวอำเภอชายแดนซีกตะวันตกสุดของจังหวัดตาก
          ดินแดนประจิมของไทยโดยเฉพาะ 5 อำเภอชายแดนตะวันตกสุดของจังหวัดตาก  ผู้คนทั่วไปส่วนมากเคารพนับถือ ท่านเจ้าพ่อพะวอ  และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  เสมือนหนึ่งเป็นศูนย์รวมใจของผู้คนทั่วไป ที่เคารพเทิดทูน ในดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเจ้าพ่อ     พะวอ และดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ถึงพระวีรกรรมอันห้าวหาญและความเสียสละของท่านอย่างทรงพลัง ที่สมควรแก่การยกย่องเทิดทูนบูชา  เมื่อสมัยเกือบร้อยปีมาแล้วมีการสร้างศาลเล็ก ๆ แล้วอัญเชิญดวงวิญญาณของท่านเจ้าพ่อพะวอสิงสถิต ณ เชิงเขาซึ่งอยู่ฟากฝั่งของขุนเขาซึ่งเป็นเส้นทางเดินทัพสมัยโบราณ  กาลต่อมาในราวปี พ.ศ. 2507 ทางหลวงสายตาก แม่สอด กำลังก่อสร้างอยู่ พ่อค้าข้าราชการและประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ เป็นศาลจตุรมุข    โดยอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเจ้าพ่อพะวอ และผู้กล้าหาญทั้งหลาย     จากศาลเดิมเชิงเขาด้านทิศเหนือมายังเชิงเขาทางด้านทิศใต้ของขุนเขา ดังที่ทุกท่านเห็นในปัจจุบันนี้  พร้อมกันสร้างรูปจำลองของท่านขนาดเท่าองค์จริงด้วยทองสำริด  อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ ศาลเจ้าพ่อพะวอมาตราบเท่าทุกวันนี้
          ผาวอขุนเขางามที่สูงเสียดฟ้า เสมือนป้อมปราการและหอคอย ที่สามารถมองเห็นการเดินทัพของข้าศึกในสมัยโบราณเป็นอย่างดี  เป็นปราการหินที่สูงตระหง่าน ดุจประตูเมืองที่แข็งแกร่ง บริเวณศาลเจ้าพ่อพะวอหลังเดิม คือ ที่ตั้งของด่านแม่ละเมาที่ท่านและไพล่พลจำนวนหนึ่งคอยดูแลรักษา หาข่าวแจ้งเหตุไปยังเมืองตาก และเมืองระแหงอีกทอดหนึ่ง  เมื่อมีเหตุหรือข้าศึกศัตรูรุกล้ำแดนมา
         ด่านแม่ละเมา เป็นด่านแรกของไทย เป็นเส้นทางเดินทัพ  และเส้นทางการค้าในสมัยโบราณนับพัน ๆ ปีมาแล้ว  การที่พม่าจะยกทัพมาตีไทย จะเดินทัพมาได้เพียงสองทางเท่านั้นคือ เมื่อเคลื่อนทัพจากกรุงหงสาวดีมาแล้ว  จะมาตั้งชุมนุมจัดกระบวนทัพที่เมืองเมาะตะมะ  แล้วเดินเลาะเลียบเชิงเขาตะนาวศรีผ่านด่านแม่ละเมา  ทางหนึ่ง กับยกทัพข้ามช่องแคบที่แม่น้ำกษัตริย์ หรือที่เรียกกันว่า ด่านเจดีย์สามองค์  อีกทางหนึ่ง ด่านเจดีย์สามองค์เป็นทางตรง  พม่าจะใช้เวลาเดินทัพเพียง 15 วัน สามารถโจมตีกรุงศรีอยุธยาได้เลย  แต่ทัพของพม่าเห็นว่าจะไม่ค่อยปลอดภัย   เพราะกลัวทัพไทยจากหัวเมืองฝ่ายเหนือยกลงมาตีกระหนาบได้  การที่ยกทัพผ่านด่านแม่ละเมาก็เพื่อตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ      เพื่อตัดกำลังฝ่ายเหนือเสียก่อนแล้วค่อยยกทัพไปตีกรุงศรีอยุธยา
เจ้าพ่อพะวอเป็นชายชาตินักรบชาวกะเหรี่ยง  ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ทรงแต่งตั้งให้มีศักดิ์ฐานะเป็นนายด่านแม่ละเมา  เมืองหน้าด่านของไทย  ในรัชสมัยของพระองค์ท่าน  คอยดูแลรักษาหาข่าวแจ้งเหตุ  เมื่อมีเหตุหรือข้าศึกศัตรูรุกล้ำแดนมา
            ลุถึง..ปีมะแมสัปตศกพุทธศักราช  2318  (31  ตุลาคม)  กองทัพข้าศึกเคลื่อนทัพมายังไทยเพื่อเข้าตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ  ท่านเจ้าพ่อพะวอนำกำลังไพร่พลที่มีเพียงหยิบมือเดียว  เข้าหาญปะทะกับข้าศึกศัตรูอย่างกล้าหาญ  และเด็ดเดี่ยว  ทุกท่านได้ต่อสู้กับข้าศึกศัตรูจนถึงแก่ชีวิต    ทุกคน    ยุทธภูมิด่านแม่ละเมา  กลายเป็นตำนานเล่าขานถึงวีรกรรม  ความเสียสละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย  และปกปักรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้อย่างหวงแหน  วิญญาณของท่านได้วนเวียนสถิต  เป็นเทพยดารักษาเมืองมาตราบเท่าทุกวันนี้
           ความศักดิ์สิทธิ์และอำนาจบารมีของท่าน  ผู้คนจากทุกสารทิศต่างหลั่งไหล  แวะเวียนมากราบไหว้บูชามิได้ขาด  กล่าวกันว่าท่านเจ้าพ่อพะวอ  สามารถดลบันดาลความสุข  ความสำเร็จ  ความนิรันตรายทั้งปวงได้อย่างปาฏิหาริย์  และอัศจรรย์ที่สุด
            มีเรื่องเล่าว่า  ในสมัยที่บ้านเมืองยังไม่พัฒนาและเจริญเหมือนทุกวันนี้  หากมีเหตุอันตราย  หรือ  มีภัยพิบัติกับราษฎรแถบถิ่นนี้  มักจะได้ยินเสียงแผดคำรามของ  อาม๊อก  หรือที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น  ปืนหิน  ที่อยู่บนชะง่อนผาขุนเขาผาวอเป็นอัศจรรย์  ทำนองเดียวกันของวันนั้นในยามค่ำคืน  จะได้ยินเสียงฝีเท้าม้าวิ่งรอบ ๆ  ตัวเมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ  ผสานกับเสียงพรวนที่ผูกติดด้วย
           พะวอ  เป็นชื่อของชนชาติกะเหรี่ยง  คำนำหน้าว่า  พะ  ก็คือ  นาย  คำว่า  วอ  อาจจะแผลงมาจาก  วา  แปลว่า  ขาว  หรือ  นายขาว  พะวา  อาจจะเพี้ยนเสียงมาเป็น  พะวอ  ก็ได้
           ส่วนคำว่า  พะวอฮ์  ออกเสียง  วอ  อยู่ในลำคอ  พาวอฮ์  ก็คือ  นายแดง  นั่นเอง  (คำนี้เป็นข้อมูลใหม่  ที่ชาวเผล่อ  และชาวปกากะญอเสนอแนะมา)
           ส่วนขุนเขา  ผาวอ  ที่อาจจะเพี้ยนเสียงมาเป็น  พะวอ  ก็ได้เหมือนกัน  ผาวอ  เป็นขุนเขาที่ตั้งของด่านแม่ละเมา  เป็นขุนเขาที่มีรูโหว่เป็นโพลงถ้ำ  อาจจะเรียก  ผาโหว่  ก็ได้  ชาวกะเหรี่ยงซึ่งเป็นเจ้าถิ่นเดิมแห่งนี้  อาจจะเรียกว่า  พาวอ  หรือ  พะวอได้เหมือนกัน
           ตำนานเมืองเหนือ  กล่าวถึงวีรบุรุษชาตินักรบปกากะญอนี้ว่า  ป้อเจ้าหลวงผาวอ
           รูปจำลองของท่านเจ้าพ่อพะวอ  บ่งบอกถึงลักษณะของชายชาตินักรบ  ชุดแต่งกายที่สมเกียรติศักดิ์ศรี  จากบุคลิกภาพของท่าน  แสดงถึงเอกลักษณ์ของนักรบโบราณ  ใบหน้าเครียดขึงขังดุดัน  เรือนกายกำยำสูงใหญ่  ถือง้าวเป็นอาวุธคู่กาย  แต่แววตาแฝงด้วยความเมตตาปรานี
          ด้วยเหตุที่ท่านเป็นนักรบโบราณ  จึงชอบเสียงปืนและประทัดมาก  จึงมีผู้ยิงปืนและจุดประทัดถวายทุกครั้ง  หรือไม่ก็จะบีบแตร  แสดงความคารวะเมื่อสัญจรผ่านไปมา
          แม้จะล่วงลับไปนานกว่าสองร้อยปี  แต่วีรกรรมอันห้าวหาญของท่าน  เป็นการประกาศศักดิ์ศรี  ให้อนุชนทั่วไปได้รับรู้  และจะเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อไปยังอนุชนรุ่นหลัง  ให้ยึดถือเป็นแบบอย่าง  สักขีพยานที่บ่งบอกถึงความศรัทธาอย่างแรงกล้า  ของอนุชนทั่วไป  ก็คือ  ความเคารพศรัทธาอย่างแนบแน่น  ที่ไม่มีวันเสื่อมคลายนั่นเอง











                                              แหล่งอ้างอิง http://pawo.info/page04.html